วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

เหมืองทองส่อระอุ 20ไอ้โม่งพกปืน ย่องตอนตีสองเข้าทุบกำแพงทางเข้า‘ทุ่งคำ’



เมื่อเวลา 07.00 น.  วันที่ 20 กันยายน 2556  กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด ตำบลเขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย  ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า กำแพงที่กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดได้ก่อสร้างไว้เพื่อปิดทางเข้าเหมืองทองของบริษัททุ่งคำ ซึ่งดำเนินการตาม ระเบียบชุมชน ว่าด้วยการใช้ถนนชุมชนและการควบคุมน้ำหนักบรรทุก” ใน 6 หมู่บ้านในตำบลเขาหลวงผ่านการทำประชาคมหมู่บ้านเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 โดยมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการห้ามรถบรรทุกเกิน15 ตันและการขนสารเคมีอันตรายในถนนชุมชน โดยยืนยันว่า แนวกำแพงอยู่ในเขตถนนของชุมชน ไม่ได้อยู่ในที่ดินของบริษัททุ่งคำแต่อย่างใด


ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า  เวลาประมาณ 02.00 น. คืนที่ผ่านมา  ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนประมาณ  20  คน สวมหมวกไอ้โม่ง  เข้ามาลงมือทุบกำแพงจนพังราบ โดยมีคนอีกกลุ่มพกปืนคอยยืนคุ้มกัน ใช้เวลาทุบอยู่ประมาณ 10 นาที แล้วขึ้นรถยนต์หลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว 

ทั้งนี้  การก่อกำแพงกั้นถนนเข้าเหมืองทองเกิดขึ้นก่อนที่บริษัททุ่งคำจำกัดเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและกำหนดขอบเขตแนวทางการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ” หรือ Pubic Scoping (.1) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)” เพื่อประกอบคำขอประทานบัตรเพิ่มเติม ไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2556 ที่วัดโพนทอง ต.นาโป่ง อ.เมืองเลย โดยกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดได้เดินทางไปขอเข้าร่วมเวทีดังกล่าว แต่ไม่สามารถเข้าร่วม เนื่องจากมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง พร้อมทั้งผู้จัดงานไม่อนุญาต จึงพากันชุมนุมประท้วงอยู่บริเวณหน้าวัด 


กำแพงก่อนถูกทุบ


หลังจากนั้น บริษัททุ่งคำจำกัด ได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดจำนวน 14 คน ข้อหาละเมิด ใช้สิทธิเกินส่วน จากกรณีก่อกำแพงปิดกั้นเส้นทางเข้า-ออกเหมือง ซึ่งคำฟ้องยืนยันว่า เป็นที่ดินของทางบริษัทที่ซื้อมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อตัดถนนผ่านเข้าออก เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ถนนร่วมกับชุมชน  การก่อกำแพงปิดถนนทำให้บริษัทได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจ จึงต้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท และค่าเสียหายในอนาคตอีกวันละ10 ล้านบาท นับจากวันที่ยื่นฟ้องร้อง

ภายหลังเกิดเหตุทุบทำลายกำแพง  เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา  แกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด ต.เขาหลวง 6 หมู่บ้าน  ได้เรียกประชุมด่วน  บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด  เพื่อหามาตราการตอบโต้การกระทำครั้งนี้  โดยมีแนวโน้มว่าจะร่วมกันก่อกำแพงขึ้นมาใหม่  ที่ประชุมมีการกล่าวถึงดำเนินชีวิตที่เกิดความทุกข์ยาก  หลังจากมีเหมืองทองคำเข้ามาตั้งในพื้นที่  ทำให้ผู้ร่วมประชุมหลายรายต้องร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บแค้น   หลังจากนั้น แกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดได้ขอความร่วมมือให้ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาสังเกตการณ์ออกจากที่ประชุม  โดยจะขอประชุมลับเป็นการภายใน




นายสุรพันธ์    รุจิไชยวัฒน์  เลขานุการกลุ่มรักษ์บ้านเกิด เปิดเผยว่า  กรณีข้อพิพาทเรื่องการก่อสร้างกำแพงนั้นยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์หาหลักฐาน สาเหตุและกระบวนการพิจารณาของศาลแพ่ง  ที่กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดตกเป็นจำเลย จำนวน 14 คน  ซึ่งชาวบ้านต่างยอมรับคำสั่งของศาล  แต่มีชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คน สวมหมวกไอ้โม่ง อาวุธครบมือ   เข้ามาทำการทุบกำแพงของชาวบ้านทิ้ง ถือว่ารุนแรง ทำลายน้ำใจของชาวบ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน ที่รวมกันทำด้วยความจริงใจ ปกป้องสิทธิของชุมชนตามรัฐธรรมนูญ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น